ในโลกธุรกิจที่แข่งขันกันด้วยความเร็วและการใช้ข้อมูลที่แม่นยำ การเลือกโครงสร้างพื้นฐานของระบบ ERP ก็ไม่ต่างจากการวางเสาเข็มให้กับองค์กร การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ฟีเจอร์เพียงอย่างเดียว หนึ่งในคำถามที่องค์กรต้องตัดสินใจคือ ควรเลือก ERP บน Cloud หรือ ERP แบบ On-Premise?
บทความนี้จะพาคุณไปดูข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะกับทิศทางของธุรกิจมากที่สุด
ก่อนจะเปรียบเทียบระหว่าง Cloud ERP และ On-Premise ERP สิ่งสำคัญคือการเข้าใจบทบาทของระบบ ERP ต่อการทำงานขององค์กร เพราะรูปแบบการติดตั้งที่เลือก จะส่งผลต่อทั้งกระบวนการทำงาน การลงทุน และความยืดหยุ่นในระยะยาว
หากคุณต้องการทำความเข้าใจภาพรวมของระบบ ERP และแนวคิดในการนำไปใช้กับธุรกิจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ERP คืออะไร [อัปเดต 2025] หาคำตอบอย่างละเอียดได้ในบทความนี้
เปรียบเทียบ ERP Cloud vs ERP On-Premise
1) Cloud ERP คืออะไร
Cloud ERP หรือ Web-based ERP คือระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning) ที่ทำงานบนคลาวด์และเข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทันที องค์กรไม่ต้องลงทุนฮาร์ดแวร์หรือดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่ใช้รูปแบบเช่าใช้บริการแบบ SaaS ผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลการบำรุงรักษา อัปเดตระบบ และความปลอดภัยทั้งหมด ทำให้ใช้งานได้สะดวกและขยายระบบได้ง่ายตามการเติบโตของธุรกิจ
ลักษณะสำคัญ
- เข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกเวลา
- ระบบอัปเดตอัตโนมัติ
- ไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานหรือเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร
- ค่าใช้จ่ายเป็นแบบ Subscriptionn ทำให้คุมงบได้ง่าย
2) ERP On-Premise คืออะไร
ERP On-Premise คือระบบที่ติดตั้งและรันบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ทีม IT ต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด รวมถึงการปรับแต่ง การสำรองข้อมูล และการรักษาความปลอดภัย
ลักษณะสำคัญ
- ข้อมูลถูกจัดเก็บและควบคุมภายในองค์กร
- สามารถปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจ
- ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และลิขสิทธิ์ระบบ
- การอัปเดตและบำรุงรักษาระบบต้องดูแลเองทั้งหมด
ข้อดี – ข้อจำกัดของ ERP Cloud และ ERP On-Premise
ERP Cloud
ข้อดี
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำ
- เริ่มใช้งานได้เร็ว
- ไม่ต้องดูแลระบบหลังบ้าน
- ระบบได้รับการอัปเดตและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- รองรับการทำงานหลายพื้นที่และการทำงานแบบ Remote
ข้อจำกัด
- ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร
- มีค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปีต่อเนื่อง
ERP On-Premise
ข้อดี
- ควบคุมข้อมูลได้เต็มรูปแบบ
ข้อจำกัด
- ใช้เวลาในการติดตั้งและเซ็ตอัพ
- ต้องมีทีม IT พร้อมดูแลระบบ
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นค่อนข้างสูง
- ต้องบริหารจัดการการอัปเดตและความปลอดภัยเอง
ตารางสรุป ERP Cloud vs On-Premise
| หัวข้อ | ERP Cloud | ERP On-Premise |
|---|---|---|
| การติดตั้ง | ใช้งานบนคลาวด์ | ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์องค์กร |
| ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น | ต่ำ | สูง (ลงทุน Hardware/Server) |
| ค่าใช้จ่ายระยะยาว | Subscription | ไม่มีรายเดือน แต่มีค่า Maintenance |
| การดูแลระบบ | ผู้ให้บริการดูแล | ทีม IT ดูแลเอง |
| การอัปเดต | อัตโนมัติ | ต้องอัปเดตระบบเอง |
| การปรับแต่ง | จำกัด | ปรับแต่งได้ยืดหยุ่นกว่า |
| การควบคุมข้อมูล | ขึ้นกับผู้ให้บริการ | ควบคุมได้ทั้งหมด |
| ความเหมาะสม | ต้องการความคล่องตัว | เน้น Scalability และต้องการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด |
ข้อควรตัดสินใจ: ต้นทุนแฝงของ On-Premise ที่หลายองค์กรไม่รู้ตัว
เวลาพูดถึง ERP แบบ On-Premise หลายองค์กรจะโฟกัสที่ค่า License และค่าเซิร์ฟเวอร์ตอนเริ่มต้นเป็นหลัก ทำให้ภาพรวมเหมือน “จ่ายครั้งเดียวจบ” แต่ในความเป็นจริง การดูแลระบบในองค์กรเองมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องอีกหลายส่วนที่ต้องเผื่อไว้ตั้งแต่วันตัดสินใจ
ส่วนนี้จะช่วยชี้ให้เห็นต้นทุนแฝงสำคัญของ On-Premise ที่หลายองค์กรไม่เคยรู้มาก่อน แต่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนระยะยาวขององค์กร
1. ค่าเซิร์ฟเวอร์
ฮาร์ดแวร์ เช่น Server, Storage, Switch มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี และต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ รวมถึงการเพิ่มขนาดเครื่องเมื่อข้อมูลเติบโต ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
2. ค่า Firewall และระบบรักษาความปลอดภัย
เมื่อระบบติดตั้งอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรเอง การป้องกันภัยคุกคามไม่ใช่แค่ลงโปรแกรมแอนติไวรัส แต่ต้องมี Firewall ระบบตรวจจับการบุกรุก และอุปกรณ์ด้าน Security อื่น ๆ ที่ต้องมีค่าติดตั้ง ค่าบำรุงรักษา และค่าต่ออายุ License รายปี ถ้าองค์กรทำงานกับข้อมูลที่อ่อนไหว เช่น ข้อมูลการเงินหรือข้อมูลลูกค้า ค่าใช้จ่ายด้านนี้จะเพิ่มขึ้นตามข้อกำหนดด้าน Compliance ด้วย
3. ค่า Backup, Storage และ DR Site
การมีระบบ On-Premise หมายถึงองค์กรต้องรับผิดชอบการสำรองข้อมูลเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบ Backup รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- ระบบ DR Site หรือศูนย์สำรองข้อมูลกรณีดาต้าเซ็นเตอร์หลักใช้งานไม่ได้
ต้นทุนไม่ได้มีแค่ค่าซื้ออุปกรณ์ แต่รวมถึงค่าเช่า Rack ค่าดูแล และค่า Storage ที่ต้องขยายตามปริมาณข้อมูลในแต่ละปี
4. ค่าอัปเดตแพตช์ และดูแลระบบให้ทันสมัย
ซอฟต์แวร์ ERP ต้องมีการอัปเดตแพตช์ด้าน Security และอัปเกรดเวอร์ชันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่และรองรับฟีเจอร์ใหม่ การดูแลส่วนนี้ในระบบ On-Premise มักต้องใช้เวลาและทรัพยากรทีม IT ภายใน รวมถึงอาจต้องมีที่ปรึกษาเข้ามาช่วยในบางรอบอัปเกรด หากองค์กรเลื่อนการอัปเดตออกไปเรื่อย ๆ จะยิ่งทำให้รอบการอัปเกรดครั้งถัดไปยุ่งยากและใช้งบประมาณสูงขึ้น
5. ค่าแรงและเวลาของทีม IT
On-Premise ต้องมีคนดูแลจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการ Monitor ระบบ แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ ติดตั้งแพตช์สำคัญ หรือจัดการ Incident ต่าง ๆ
ค่าใช้จ่ายตรงนี้ไม่ใช่แค่เงินเดือนทีม IT แต่คือเวลาที่หายไปจากงานเชิงกลยุทธ์ เช่น การวางระบบใหม่ การทำ Automation หรือการใช้ข้อมูลเพื่อช่วยธุรกิจตัดสินใจ
ต้นทุนในจุดนี้มักไม่ได้ถูกคิดไว้ตั้งแต่แรก แต่มีผลต่อทั้งงบประมาณและความต่อเนื่องของธุรกิจในวันหนึ่งข้างหน้า
สรุป: ทำไมต้นทุนแฝงสำคัญต่อการตัดสินใจ
เมื่อรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต่อเนื่อง 3-5 ปี On-Premise อาจมีต้นทุนรวมสูงกว่า Cloud โดยไม่รู้ตัว จึงควรพิจารณาทั้งต้นทุนเริ่มต้นและต้นทุนแฝง เพื่อไม่ให้ระบบ ERP กลายเป็นข้อจำกัดของการเติบโตในอนาคต
เลือก ERP ให้เหมาะกับองค์กร
การเลือก ERP ที่เหมาะสมไม่ได้มีคำตอบตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละองค์กร เช่น
เหมาะกับ ERP Cloud
- ทีม IT มีขนาดจำกัด
- ต้องการเริ่มใช้งานเร็วและขยายระบบได้ไว
- ต้องการความคล่องตัวในการทำงาน
เหมาะกับ ERP On-Premise
- องค์กรขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้าง IT พร้อม
- มีข้อกำหนดด้านข้อมูลที่เข้มงวด
- ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง
- ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานโดยตรง
แนวโน้มเทรนด์ ERP ในอนาคต
ระบบ ERP มีบทบาทสำคัญใน Digital Transformation และกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ Integrate เทคโนโลยีใหม่มากขึ้น เช่น AI, IoT, Automation และ Big Data
ในหลายอุตสาหกรรม ERP Cloud เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพราะรองรับการขยายตัวและการทำงานแบบกระจายทีม ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่บางกลุ่มยังคงใช้ On-Premise ในระบบที่มีความอ่อนไหวสูง
แม้ปัจจุบันจะมีการกล่าวถึง Hybrid ERP แต่สำหรับหลายองค์กรในปัจจุบัน การตัดสินใจจะอยู่ที่ Cloud หรือ On-Premise เป็นหลัก โดยประเมินตามความเหมาะสมด้านข้อมูล ทรัพยากร และกลยุทธ์องค์กร
Quick Transformation พาร์ทเนอร์ด้าน Digital Transformation และ ERP สำหรับองค์กรไทย
Quick Transformation คือ Partner ด้าน Digital Transformation ที่เชี่ยวชาญการออกแบบกระบวนการ ทำความเข้าใจบริบทธุรกิจ และวางระบบ ERP อย่างสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร ทีมงานมีประสบการณ์จริงในอุตสาหกรรมไทยหลากหลายประเภท ตั้งแต่โรงงาน การกระจายสินค้า ค้าปลีก สุขภาพ ไปจนถึงกลุ่มบริการ
เราช่วยองค์กรประเมินความต้องการ วาง Digital Core ที่เหมาะสม และเลือกเทคโนโลยีอย่าง Dynamics 365, Power Platform, IoT, และโซลูชันเชื่อมต่อข้อมูล เพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ ตัดสินใจได้แม่นยำ และรองรับการเติบโตในระยะยาว
บทสรุป: ERP แบบไหนคือคำตอบขององค์กรคุณ
ทั้ง ERP Cloud และ ERP On-Premise มีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน ไม่มีระบบใดที่ “ดีที่สุดสำหรับทุกองค์กร” สิ่งสำคัญคือการประเมินว่าองค์กรต้องการอะไร
- ความยืดหยุ่น?
- การควบคุมข้อมูล?
- ความพร้อมของทีม IT?
- งบประมาณเริ่มต้นและระยะยาว?
การตัดสินใจที่ดีควรมาจากข้อมูลจริง ความต้องการของทีม และกลยุทธ์ขององค์กร เมื่อประเมินครบทุกมิติ องค์กรจะเลือกได้อย่างมั่นใจ และวาง Digital Core ที่พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต หรือหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ปรึกษา Quick Transformation ฟรี

![ERP คืออะไร สรุปครบเรื่องที่ต้องรู้ 2026 [พร้อมวิธีคำนวณงบประมาณ]](https://quick-transformation.com/wp-content/uploads/2025/01/what-is-erp-768x768.webp)




