สารจากประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี

Message from CTO

“ครอบคลุม คุ้มค่า ต่อยอดได้ และปลอดภัยสูงสุด” หลักของการพัฒนาและเลือกเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

ซอฟต์แวร์ของเราหยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามขนาด การใช้งาน และการเติบโตทางธุรกิจ ลูกค้าของ Quick Transformation จึงมั่นใจได้เลยว่าใช้เทคโนโลยี หรือซอฟต์แวร์ที่ได้จากเราจะไม่มีทางหยุดนิ่ง และยังพัฒนาต่อได้ไม่มีลิมิต เพราะนอกจากเรามีกฎเหล็กในการเลือกเทคโนโลยีมาใช้และให้บริการต้องตอบโจทย์ปัจจุบัน รองรับอนาคต และปิดทุกความเสี่ยงแล้ว เรายังมี Quicker ทีมนักพัฒนาเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญรอบด้าน ซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าจากการใช้เทคโนโลยีของ Quick Transformation

- &nbspคุณทรงวิทย์ ละมุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology officer) บริษัท ควิก อีอาร์พี จำกัด

CTO ทรงวิทย์ ละมุล

เช็กลิสต์ครบทุกเงื่อนไข ให้ได้ “เทคโนโลยี” ที่ตอบโจทย์ความต้องการปัจจุบันและรองรับโอกาสในอนาคตของธุรกิจ

การเลือกเทคโนโลยี หรือ ซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานหรือนำเสนอให้ลูกค้า Quick Transformation เราพิจารณาหลายปัจจัย โดยหลักๆ คือ ต้องตอบโจทย์ความต้องการปัจจุบัน รองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ และต้องปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง ทุกครั้งที่เราได้รับโจทย์ หรือ requirement จากลูกค้า เราจึงต้องพิจารณาว่าลูกค้า หรือ ผู้ใช้งานต้องการเทคโนโลยีเพื่อไปใช้งานอะไร ด้านไหน ผู้ใช้งานเป็นอย่างไร ต้องการเป็น ERP ตัวอย่างเช่น Dynamics 365 Business Central, Dynamics 365 Finance and Operation หรือ ซอฟต์แวร์ฟังก์ชันอื่น ๆ จากนั้นเราจะพิจารณาต่อไปว่าองค์กรมีแนวโน้มขยาย เติบโตอย่างไร เพื่อเลือกซอฟต์แวร์และดีไซน์โซลูชันให้มีความยืดหยุ่น รองรับการเพิ่มหรือขยายการใช้งาน และสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาประสิทธิภาพการทำงาน (Performance) ของซอฟต์แวร์นั้น ๆ ว่ามีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งานจริง ๆ ส่วนความปลอดภัยของเทคโนโลยี วางใจได้เลยว่าเทคโนโลยีจาก Quick Transformation มีความปลอดภัยสูง และเป็นไปตามกฎข้อบังคับสากล เนื่องจากเราใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับโลก และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์บนระบบคลาวด์ (Cloud) ของ Microsoft ที่นอกจากมีความปลอดภัยสูง มาตรฐานสากล ยังยืดหยุ่นเพิ่ม-ลดฟังก์ชันและการนำไปใช้งาน สามารถปรับหรือดีไซน์ได้ตามลักษณะของผู้ใช้งาน ปริมาณการทำรายการ (Transaction) ได้อย่างอิสระ และมีฟังก์ชันรองรับการทำงานหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจทุกประเภท

มั่นใจด้วยระบบตรวจสอบ (Testing) ประสิทธิภาพและฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์

สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า นอกจากเราจะดีไซน์และพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงผ่านทุกเกณฑ์ที่เรากำหนดแล้ว อีกส่วนที่สำคัญเช่นกัน คือการทดสอบซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยี โดยเราต้องทดสอบ 2 เรื่องหลัก ๆ ด้วยกัน คือ functional testing หรือการทดสอบฟีเจอร์ ฟังก์ชันต่าง ๆ ว่าใช้งานได้ตามลักษณะการนำไปใช้งานตรงตามที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ และการทดสอบ non-functional testing หรือทดสอบเชิงประสิทธิภาพ เช่น ซอฟต์แวร์ทำงานแล้วมีความช้า-เร็วมากน้อยแค่ไหน รองรับปริมาณการทำรายการ (transaction) หรือ จำนวนผู้ใช้งาน (user) มากน้อยอย่างไร ทั้งหมดนี้เราต้องทดสอบจนมั่นใจว่าซอฟต์แวร์นั้น ๆ มีประสิทธิภาพและมีความสามารถเหมาะสมและดีที่สุดกับการผู้ใช้งาน

วิจัยและพัฒนา (R&D) เทคโนโลยีร่วมกับพาร์ตเนอร์และลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ

อีกงานสำคัญของการพัฒนาด้านเทคโนโลยี คือ เราเรียนรู้ ศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอ โดย Quick Transformation มีโอกาสที่ได้พัฒนามาโดยตลอด ทั้งจากการเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก อย่าง Microsoft ทำให้เราได้สัมผัสและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ของโลกก่อนใคร ได้นำมาพัฒนาต่อยอด ทดลองใช้งานภายในองค์กร และประยุกต์นำเสนอเป็นโซลูชันให้ลูกค้าองค์กรทุกรูปแบบของเรา นอกจากนี้การที่เราดูแลลูกค้าหลายรูปแบบ หลายขนาด หลายอุตสาหกรรม บ่อยครั้งเรายังได้ทำ R&D (Research and Development) ไปพร้อม ๆ กับลูกค้า เช่น เดิมลูกค้าต้องการเทคโนโลยีเพื่อใช้งานแบบหนึ่ง แต่เมื่อเราเข้าไปพูดคุยและรับรู้ว่าลูกค้ายังมีความต้องการอื่น ๆ จึงเกิดการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นเพื่อขยายขอบเขตให้ตอบโจทย์อื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งหมดนี้เราเก็บเป็นประสบการณ์และนำมาต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้าของเราจะเห็นว่า Quick Transformation มีเทคโนโลยี หรือซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ๆ มาให้ได้ลองใช้อยู่ตลอดเวลา

“นักพัฒนาเทคโนโลยี” ของ Quick Transformation ต้องเก่งรอบด้าน

เรามี Quicker ที่เป็นทีมพัฒนาเทคโนโลยีขนาดใหญ่ รองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ทุกรูปแบบ โดยทุกคนมีซอฟต์แวร์ที่ตัวเองถนัด แต่เราไม่ได้ให้ Quicker หยุดแค่ที่ความชำนาญของตัวเอง เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้ Quicker แต่ละคนทำได้มากกว่า 1 โปรแกรม และเติมให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเรามีระบบภายในที่สนับสนุนให้แต่ละคนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ กำหนดเป็นแต้ม หรือ คะแนนรายบุคคล เช่น ครึ่งปีแรก ตั้งเป้าว่าจะเรียนรู้ซอฟต์แวร์อะไรเพิ่มเติม หากทำได้ก็จะได้คะแนน ครึ่งปีหลังต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง และหากทำได้ก็จะได้คะแนนเพิ่มไปอีก การกำหนดเป็นแต้ม หรือ คะแนนรายบุคคล ช่วยกระตุ้นให้ทีมพัฒนาเทคโนโลยีมีความรู้สดใหม่อยู่ตลอดเวลา มีความรู้ทันซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ และการเขียนโปรแกรมภาษาใหม่ ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญมาก ๆ ทั้งต่อตัว Quicker ของเราเอง และต่อองค์กรด้วย เมื่อ Quick Transformation ต้องการพัฒนา หรือมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ต้องการ Implement ทีมพัฒนาเทคโนโลยีของเราก็มีความรู้พร้อมสำหรับการลองงานใหม่ ๆ หรือสร้างสรรค์โปรแกรมใหม่ ๆ ได้ทันที

สร้างแพลตฟอร์มแบบเฉพาะของ Quick Transformation เป็นผู้ช่วยที่ทรงประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

ที่ผ่านมา Quick Transformation เราพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ซอฟต์แวร์ที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่างๆ แต่นอกจากนี้แล้วเรายังมีเป้าหมายพัฒนาแพลตฟอร์มของเราเองด้วย หนึ่งในนั้นคือ Qoot (คูท) ซอฟต์แวร์ที่มีหน้าที่ช่วยประสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ กับ ซอฟต์แวร์ภายในองค์กร สามารถนำข้อมูลจากทุกจุด ทุกส่วนมาวิเคราะห์ และใช้ประโยชน์ร่วมกันได้สูงสุด ผสานรอยต่อทุกจุดภายในองค์กรให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยทุกวันนี้เรายังคงพัฒนา Qoot อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายความสามารถของ Qoot ให้เก่งขึ้น กว้างขึ้น เป็นผู้ช่วยที่ทรงประสิทธิภาพให้กับองค์กร ปิดช่องว่างการทำงานในจุดต่างๆ ภายในองค์กร และประสานเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลื่นไหล เรามุ่งหวังว่า Qoot จะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มจาก Quick Transformation ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า